“มาโน่ โพลกิ้ง” หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าบุกต่อเนื่องเพื่อคว้าถ้วยแชมป์กลับบ้านอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าจะยิงนำไปก่อนถึง 4 ประตูก็ตาม ในเกมที่จะพบกับ “ทีมชาติอินโดนิเซีย” ในศึกฟุตบอล AFF Suzuki Cup 2020 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ในวันพรุ่งนี้
โดย “มาโน่” ได้กล่าวกับสื่อมวลชน ในงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกม ว่า
“แน่นอนว่าเรามีเวลาเตรียมทีมสองวันจากเกมก่อน เพราะฉะนั้น เราเน้นที่การฟื้นฟูร่างกาย ส่วนคนที่ไม่ได้ เล่นก็ซ้อมตามปกติ เพื่อให้ทุกอย่างพร้อมสำหรับเกมวันพรุ่งนี้ เราต้องตัดสินใจจัดตัวผู้เล่น เมื่อวานผมได้ย้ำว่า รอบชิงมันยังไม่จบ ผลการแข่งขันที่เราทำได้ดีในเกมแรก ยังต้องทำต่อไปให้ดีอีกเกมหนึ่ง เราต้องการเริ่มเกมให้ดี อีกครั้ง และทำผลงานให้ดี เพื่อจบเลกสองให้สวยงาม เหมือนกับเกมแรก
แน่นอนว่านักเตะในทีมต่างทำผลงานได้ดีหมดทุกคน แต่เราปฏิเสธคุณภาพของ ชนาธิป ไม่ได้ เพราะว่าในสนาม หรือนอกสนาม เขาสามารถแสดงความเป็นผู้นำที่ดี และคุณภาพเขาแสดงออกมาให้เห็น เขากำลังมีทัวร์นาเมนต์ ที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเกมสำคัญของเรา แต่อย่างที่บอก ทุกคนต้องพยายามทำแบบ ชนาธิป ถ้ามีโอกาส ที่จะได้เล่นลีกที่แข็งแกร่งกว่าในบ้านเกิด ต้องคว้าโอกาส สิ่งที่ ชนาธิป แสดงให้เห็นคือเขาคว้าโอกาสมาในเจลีก และกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในเจลีก เพราะฉะนั้น ต้องทำงานหนัก ถ้ามีโอกาสต้องทำให้ได้
เรื่องสัญญาเรายังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ตอนนี้ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เพราะเป้าหมายของเราคือการคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้ตามที่เราวางไว้ตั้งแต่แรก และเอาของขวัญไปฝากคนไทย
เกมรอบรองที่เจอกับเวียดนาม เลกแรก เรานำไปก่อน 2-0 และเราต้องเจอกับบอลยาวมากขึ้น สถานการณ์ ณ ตอนนั้น คือเราต้องตั้งรับให้แน่น แม้เราไม่ถนัด แต่มันถูกต้องนั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ ในเกมนี้ เลกแรก เราเล่นได้ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ทำให้เราได้เปรียบมาก จากสถานการณ์ตอนนี้ เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาตั้งรับ เราต้องการจบทัวร์นาเมนต์ ในแนวทางที่เราถนัด ด้วยการเปิดเกมรุก และครองบอล
เรื่องการแต่งตัวที่ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเองเชื่อว่าถ้าอะไรมันได้ผล อะไรมันดีอยู่แล้ว ก็ไม่อยากจะเปลี่ยน ถุงเท้า แม้แต่กางเกงในยังตัวเดิม เสื้อกางเกงก็ตัวเดิม แต่ซักทุกครั้ง ตอนนี้ก็ซักแล้ว และพร้อมจะใส่ใหม่ในวันพรุ่งนี้
เรื่องอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ นักเตะที่เพิ่งเข้ามาอย่างวีระเทพที่มาเล่นในรายการนี้ครั้งแรก จะช่วยต่อยอดได้ และทำให้อนาคตของทีมชาติไทย ไปในทางที่ดี และต้องรักษาคุณภาพให้ได้ ไม่ใช่แค่วีระเทพเท่านั้น หลายคนทำได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าง กฤษดา ที่เพิ่งอายุ 22 ปี และเล่นมาเกือบทุกนัด ในตำแหน่งที่ไม่ได้ถนัด เขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เรามีอนาคตที่ดี มันเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตทีมชาติไทย เรายังมีนักเตะที่ดีอีกมากมาย จากชุด U23 ที่ต้องไปแข่งที่อุซเบกิสถาน
ทัวร์นาเมนต์นี้เราไม่ได้มีเวลามากมายในการคิดที่จะซ้อม เราใช้แค่ความรู้จัก สิ่งที่เห็นจากนักเตะ เรารู้จักนักเตะชุดนี้ดี และเรียกตัวมารวมกัน อธิบายแผนการเล่น มีความชัดเจน สุดท้ายมันอยู่ที่นักเตะ เราต้องให้เครดิตกับพวกเขา ที่รับฟังและเข้าใจ ทำได้ตามแผนในช่วงที่ผ่านมา จนถึงนัดชิงชนะเลิศ เลกที่สอง แน่นอนว่าเป้าหมายของเราคือการเอาชนะในนัดชิงชนะเลิศในเกมที่สองก่อน และเราจะบอกว่าอนาคตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เราต้องชนะในเกมที่สอง เพื่อจบทัวร์นาเมนต์ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
ฟุตบอล AFF Suzuki Cup 2020 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ระหว่าง “ทีมชาติไทย” พบ “ทีมชาติอินโดนิเซีย” จะแข่งขันในวันที่ 1 ม.ค. 2022 เวลา 19.30 น. ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร ถ่ายทอดสดทางช่อง 7HD และ AIS Play
NEWS by UFA181
เป็นสมาชิกเดิมพันบอล UFABET ค่าน้ำดีที่สุด ได้ที่ไลน์ @181UFA